วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2563

บันทึกการเรียนครั้งที่ 9

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2563
เวลา 12.30-16.30
ความรู้ที่ได้รับ

เรียนเกี่ยว ความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย เเละอาจารย์ก็มีเพลง มาให้ดูและร้อง หลังจากนั้นลองให้เปลียนเนื้อเลงว่าเปลี่ยนเป็นอะไรได้บ้างเเละก็มีกิจกรรมมากมายมาให้ทำ

ความหมายการคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย
                 ความหมายของความคิดสร้างสรรค์ว่า เป็นความคิดที่สามารถในการสังเคราะห์สามารถในวิเคราะห์และและมีความสามารถในนำไปปฏิบัติได้มีลักษณะเป็นความรวมความคิดหลายทางและมีลักษณะคล้ายๆกับกระบวนการแก้ ปัญหามีความแตกต่างเพียงกระบวนการแก้ปัญหามีนั้นจะมีวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เด่นชัดเฉพาะเรื่องแต่กระบวนการคิดสร้างสรรค์ จำเป็นที่บุคคลจะต้องรู้จักจินตนาการและถ้าขาดจินตนาการก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาทางความคิดสร้างสรรค์ได้ความคิดสร้างสรรค์ประการสำคัญผู้คิดนั้นจะต้องไม่ทุกข์ ไม่มีความรู้สึกทุกข์ ไม่รู้สึกบีบคั้น คิดตามความเป็นจริง คิดตรงกับสภาพแห่งตามที่เป็นจริงนั้น ในความคิดสร้างสรรค์จะต้องสร้างความสุขด้วย จึงจะเป็นความสร้างสรรค์ เป็นความคิดสร้างสุข โดยมีธรรมฉันทะเป็นตัวขับเคลื่อนกระบวนการคิด

สมองกับการคิดของเด็กปฐมวัย
เด็กวัยทารกจนถึงสามขวบเป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญมากในการพัฒนาศักยภาพทางสมอง เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการเปิดรับข้อมูลการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกอย่างรวดเร็ว กล่าวกันว่าสมองของเด็กทารกมีการเรียนรู้มากกว่าการเรียนรู้ของผู้ใหญ่เป็นพัน ๆ เท่า เด็กเรียนรู้ ทุกอย่างที่เข้ามาปะทะล้วนเป็นข้อมูลเข้าไปกระตุ้นสมองเด็กทำให้เกิดเครือข่ายเส้นใยสมองและจุดเชื่อมต่าง ๆ อย่างมากมายซึ่งจะทำให้เด็กเข้าใจและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น นักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่ายิ่งสมองเด็กมีเส้นใยสมองและจุดเชื่อมต่อมากเท่าไร เด็กจะยิ่งฉลาดมากขึ้นเท่านั้น สมองจะทำหน้าที่นี้ต่อไปจนถึงอายุ 10 ปี จากนั้นสมองจะเริ่มกำจัดเครือข่ายเส้นใยสมองที่ไม่ได้ใช้ทิ้งไป เพื่อให้ส่วนที่เหลือมีความสามารถและมีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด
ความสำคัญสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย  
   การคิดที่ดี ควรมีลักษณะ ลึก กว้างไกล และสร้างสรรค์ คำว่า ลึก หมายถึง สิ่งที่มิใช่เพียงสัมผัส มีความเป็นไปได้และมีความชัดเจน กว่าง เป็นการสร้างภาพที่มีมุมมองอันเกิด จากการวิเคราะห์ การสังเคราะห์ อย่างรอบครอบ ไกล เป็นการมองไปข้างหน้าในระยะยาว โดยคำนึงถึงสิ่งอันพึงปรารถนา ส่วนคำว่า สร้างสรรค์ นั้น เป็นการพิจารณาเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ความสามารถในการคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำของมนุษย์และมีพลังอำนาจมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดเสมอ ดังนั้น บุคคลจึงไม่เพียงแต่ต้องมีความเข้าใจในกระบวนการของความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังต้องการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตนให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งตองการให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ มีลักษณะสำคัญ 3 ประการ คือ
1. เป็นความคิด ประดิษฐ์ หรือการทำที่แปลกใหม่ เป็นผลงานที่ริเริ่มเอง ไม่มีตัวอย่างไว้ให้มีประโยชน์มีคุณค่า
2. เป็นความคิดหรือการกระทำที่แก้ปัญหาได้ โดยสามารถมองหาทางเลือกหลายทิศหลายทางในการแก้ปัญหา
3. เป็นความคิดริเริ่มที่แสดงออกอย่างมีหลักเกณฑ์ มีความคงทน และสามารถดัดแปลงพัฒนาไปจนถึงจุดที่สมบูรณ์ได้
บทบาทของผู้สอน
1. มีอารมณ์ที่แจ่มใส  มีใจคิดสร้างสรรค์

2. ร่วมแก้ปัญหาและให้เวลาในการค้นหาคำตอบของผู้เรียน
3. เป็นผู้ชี้แนะแนวทางการแก้ปัญหา
4. ใช้เทคนิคในการกระตุ้นให้ผู้เรียนหาคำตอบได้อย่างรวดเร็ว
5. ผู้เรียนมีผลงานนำไปเผยแพร่




รูปในการเรียน













ประเมินอาจารย์ : มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายน่าสนใจ รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา
ประเมินเพื่อน : ตั้งใจทำกิจกรรมต่างๆออกมาได้ดี ตรงต่อเวลาในการส่ง
ประเมินตนเอง : มุ่งมั่นในการทำงาน ส่งงานตรงเวลา 






วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563

บันทึกการเรียนครั้งที่ 8

วันศุกร์ที่่ 3 เมษายน 2563
เวลา 12.30-16.30


ความรู้ที่ได้รับ

วันนี้เรียน เรื่อง มาตราฐานการเรียนรู้ของการจัดการเรียนรู้แบบ STEM และดูกิจกรรมที่ให้ไปทำมาเมื่อ
อาทิตย์ที่เเล้ว

STEM คือ
    เป็นรูปแบบการจัดการศึกษาที่บูรณาการกลุ่มสาระและทักษะกระบวนการของทั้ง 4 สาระ อันได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ โดยนำลักษณะธรรมชาติของแต่ ละสาระวิชาและกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนมาผสมผสานกันเพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่สำคัญแลจำเป็นเกิดจากการย่อชื่อตัวอักษรตัวแรกของ 4 สาระเข้าด้วยกัน นั่นคือ 




Science(วิทยาศาสตร์) จะเน้นให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (InquiryProcess) ที่จะประกอบด้วยขั้นตอน 
  1. ขั้นการสร้างความสนใจ เป็นขั้นของการนำเข้าสู่บทเรียน  
  2. ขั้นสำรวจและการค้นหา  
  3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป   
  4. ขั้นขยายความรู้ เป็นการนำความรู้มาเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือแนวคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม ขึ้น 
  5. ขั้นการประเมิน เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่างๆ ว่าผู้เรียนได้เกิดการ เรียนรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใด

เทคโนโลยี (Technology) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2557) ระบุขั้นตอนในกระบวนการทางเทคโนโลยีประกอบด้วย 7 ขั้นดังนี้ 
  1. กำหนดปัญหาหรือความต้องการ 
  2. รวบรวมข้อมูล โดยอาจจะรวบรวมข้อมูลจากตำรา วารสาร บทความ อินเทอร์เน็ต 
  3. เลือกวิธีการ เป็นการพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการแก้ปัญหา 
  4. ออกแบบและปฏิบัติการ 
  5. ทดสอบ เป็นการตรวจสอบว่าชิ้นงานหรือวิธีที่สร้างขึ้นสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ 
  6. ปรับปรุงแก้ไข เป็นการวิเคราะห์ว่าชิ้นงานหรือวิธีที่สร้างขึ้นจะปรับแก้ไขส่วนใด 
  7. ประเมินผล เป็นการประเมินผลว่าชิ้นงานหรือวิธีที่สร้างขึ้นสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่

วิศวกรรมศาสตร์(Engineering)  กระบวนการออกแบบของวิศวกรรมศาสตร์ ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้ 
  1.กำหนดปัญหา หรือความต้องการ 
  2.หาแนวทางการแก้ปัญหา 
  3.ลงมือปฎิบัติเพื่อแก้ปัญหา 
  4.ทดสอบและประเมินผล

คณิตศาสตร์ (Mathematics)  สำหรับสาระและทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์จะครอบคลุมเรื่องจำนวนและกระบวนการ การวัด เรขาคณิต พีชคณิต การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น และ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

            บทบาทของคณิตศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) จะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา การคิดเป็นเหตุเป็นผล ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการสื่อสารและการนำเสนอให้ผู้อื่นเข้าใจได้

ความสำคัญของการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มระดับการศึกษาปฐมวัย
           การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มระดับการศึกษาปฐมวัยผ่านการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (Active Learning)  มี ความสำคัญต่อการพัฒนาสำหรับเด็กปฐมวัยในด้านต่างๆดังนี้ 

     1. พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย ทักษะการคิด ทักษะทางคณิต ศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะการสื่อสาร ทักษะการคิด วิเคราะห์ ทักษะการใช้เทคโนโลยีและทักษะทางสังคม

      2. ส่งเสริมการทำกิจกรรมแบบบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และ วิศวกรรมศาสตร์ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างความรู้ด้วยตนเองในหัวข้อเรื่องที่เรียนรู้และสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อ พัฒนากำลังคนของประเทศตั้งแต่ระดับการศึกษาปฐมวัย 

    3. กระบวนการเรียนรู้เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เป็นหัวข้อเรื่องในชีวิตจริงของเด็ก สอดคล้องกับปรัชญา และแนวคิดทางการศึกษาปฐมวัย ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยตั้งคำถาม สืบค้นโดยใช้ ความสามารถในการสังเกต ช่วยเด็กคิดเกี่ยวกับกระบวนการในการทำงานของตน

     4. ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้มากที่สุด การจัดกิจกรรมเป็นการทำงาน แบบร่วมมือผ่านลักษณะกิจกรรมที่หลากหลาย ฝึกความมีวินัยและสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมใน กระบวนการทำงานแบบร่วมมือ 

     5. จัดบรรยากาศในชั้นเรียนส่งเสริมการกล้าแสดงออก การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 

     6. ส่งเสริมให้เด็กรักและเห็นคุณค่าของการเรียนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และ คณิตศาสตร์


บรรยากาศในการเรียน






ประเมินอาจารย์ : มีกิจกรรมให้ทำที่น่าสนใจ มีการกำหนดเวลาส่งงานที่ชัดเจน การสอนน่าสนใจ
ประเมินเพื่อน : ส่งงานตรงเวลา ตั้งใจเรียน ตั้งใจตอบคำถาม
ประเมินตนเอง : ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย เข้าเรียนตรงเวลา





วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2563

บันทึกการเรียนครั้งที่ 7

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2563
เวลา 12.30-16.30


ความรู้ที่ได้รับ


วันนี้ เรียนเกี่ยวกับเรื่อง STEM และหลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้จับคู่ทำงาน เกี่ยวกับการทดลอง วิชา วิทยาศาสตร์และให้ส่งไฟลืเข้าไปในเฟสบุ๊ค 

STEM คือ

    เป็นรูปแบบการจัดการศึกษาที่บูรณาการกลุ่มสาระและทักษะกระบวนการของทั้ง 4 สาระ อันได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ โดยนำลักษณะธรรมชาติของแต่ ละสาระวิชาและกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนมาผสมผสานกันเพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่สำคัญและจำเป็น


Science(วิทยาศาสตร์) จะเน้นให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (InquiryProcess) ที่จะประกอบด้วยขั้นตอน 
  1. ขั้นการสร้างความสนใจ เป็นขั้นของการนำเข้าสู่บทเรียน  
  2. ขั้นสำรวจและการค้นหา  
  3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป   
  4. ขั้นขยายความรู้ เป็นการนำความรู้มาเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือแนวคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม ขึ้น 


  5. ขั้นการประเมิน เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่างๆ ว่าผู้เรียนได้เกิดการ เรียนรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใด

เทคโนโลยี (Technology) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2557) ระบุขั้นตอนในกระบวนการทางเทคโนโลยีประกอบด้วย 7 ขั้นดังนี้ 
  1. กำหนดปัญหาหรือความต้องการ 
  2. รวบรวมข้อมูล โดยอาจจะรวบรวมข้อมูลจากตำรา วารสาร บทความ อินเทอร์เน็ต 
  3. เลือกวิธีการ เป็นการพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการแก้ปัญหา 
  4. ออกแบบและปฏิบัติการ 
  5. ทดสอบ เป็นการตรวจสอบว่าชิ้นงานหรือวิธีที่สร้างขึ้นสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ 
  6. ปรับปรุงแก้ไข เป็นการวิเคราะห์ว่าชิ้นงานหรือวิธีที่สร้างขึ้นจะปรับแก้ไขส่วนใด 
  7. ประเมินผล เป็นการประเมินผลว่าชิ้นงานหรือวิธีที่สร้างขึ้นสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่

วิศวกรรมศาสตร์(Engineering)  กระบวนการออกแบบของวิศวกรรมศาสตร์ ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้ 
  1.กำหนดปัญหา หรือความต้องการ 
  2.หาแนวทางการแก้ปัญหา 
  3.ลงมือปฎิบัติเพื่อแก้ปัญหา 
  4.ทดสอบและประเมินผล

คณิตศาสตร์ (Mathematics)  สำหรับสาระและทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์จะครอบคลุมเรื่องจำนวนและกระบวนการ การวัด เรขาคณิต พีชคณิต การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น และ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์



รูปในการเรียน

ในภาพอาจจะมี 6 คน, รวมถึง Jintana Suksumran


ในภาพอาจจะมี 5 คน, ข้อความ


กิจกรรมวิทยาศาสตร์คู่ 















ประเมินอาจารย์ : เนื้อหาน่าสนใจ มีการกระตุ้นนักศึกษาให้ตอบคำถาม อธิบายงานได้เข้าใจมีตัวอย่างให้ดู
ประเมินเพื่อน : ตั้งใจเรียน มาเรียนตรงเวลา มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม
ประเมินตนเอง : มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ส่งงานตรงเวลา






วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2563

บันทึกการเรียนครั้งที่ 6

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563
เวลา 12.30-16.30

ความรู้ที่ได้รับ

สัปดาห์นี้เป็นการเรียนทาง ออนไลน์ เนื่องทางติดสถานการณ์ COVID - 19 ทางมหาวิทยาลัยจึงมีการให้เรียนออนไลน์

วันนี้เรียนเกี่ยวกับเนื้อหาคำคล้องจอง โดยอาจารย์ให้เเบ่งกลุ่ม 3 คนทำงาน ตามที่กำหนดให้


งานเเรก นิทาน



งานที่ สอง เเต่งคำคล้องจอง



งานที่ สาม ปริศนาคำทาย



งานที่ สี่ กิจกรรมส่งเสริมการฟัง





ประเมินอาจารย์ : มีการเอาใจใส่นักศึกษา ให้คำแนะนะ คำปรึกษา สื่อการสอนน่าสนใจดึงดูด
ประเมินเพื่อน : สนใจเรียน มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม
ประเมินตนเอง : สนใจเรียน จดบันทึกสิ่งที่สำคัญ









วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

บันทึกการเรียนครั้งที่ 5

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563
เวลา 12.30-16.30


ความรู้ที่ได้รับ

วันนี้อาจารย์ให้ทำกิจกรรมความคิดสร้างสรรค์ โดยอาจารย์เปิดเพลง พรจากฟ้าที่มีท่าทาง และให้นักศึกษาไปคิดท่าทางเเต่ล่ะกลุ่ม โดยให้ใช้เพลง ปฐมวัยมาเเล้ว

เนื้อเพลง ปฐมวัยมาเเล้ว

ปฐมวัยมาเเล้ว       มาเเล้วปฐมวัยน้องพี่
ไหน ไหน ไหน             ปฐมวัยน้องพี่
            ปฐมวัยน้องพี่ไม่มีราวร้าน            โลหิตสายเดียวกลมเกลียวกันให้นาน
อย่าให้เเตกเเยกกันเป็นสายธาร       อย่าให้เเตกเเยกกันเป็นสายธารา




ประเมินอาจารย์ : เนื้อหาน่าสนใจ มีกิจกรรมให้ทำมากมาย สอนตรงเวลา
ประเมินเพื่อน : ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน เข้าเรียนตรงเวลา
ประเมินตนเอง :ตั้งใจในการทำงาน แต่งกายสุภาพ








วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

บันทึกการเรียนครั้งที่ 4

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563
เวลา 12.30-16.30


ความรู้ที่ได้รับ


สัปดาห์นี้ เรียนเรื่อง การเล่นเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์


“การเล่นเพื่อการพัฒนาเด็ก”
การเล่นเป็นกิจกรรมที่สำคัญยิ่งสำหรับเด็ก เพราะการเล่นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเด็กการเล่นเป็นธรรมชาติของเด็ก
และเป็นโอกาสที่เด็กจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ ได้ด้วยตนเองการเล่นนอกจากจะเป็นธรรมชาติของเด็กแล้วยังเป็นกิจกรรม
ที่ให้ความสุขสนุกสนานเพลิดเพลินแก่เด็ก โดยไม่มีการบังคับใดๆ ทั้งนั้น ยังเป็นวิธีการหรือแนวทางที่จะช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวและ
เปลี่ยนแปลงความคิดความเข้าใจสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงรอบๆ ตัว ให้เป็นผู้ที่มีความสามารถที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
การเล่นพัฒนาเด็กอย่างไร เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า การเล่นให้คุณค่าและเป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีสำหรับเด็ก เช่น ถ้าเราสังเกตการเล่นน้ำ
เล่นทราย การเล่นต่อบล็อก การเล่นตามมุมประสบการณ์ต่างๆ ฯลฯ จะเห็นว่า เด็กจะตั้งใจเล่นอย่างขะมักเขม้น มีสมาธิในการเล่นและมีโลกส่วนตัว
ดังนั้น การเล่นจึงเป็นชีวิตจิตใจของเด็ก เด็กเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทั้งตามธรรมชาติและมีเครื่องเล่นทางการศึกษาเข้าช่วยนักการศึกษาและครูสาขาการปฐมวัยศึกษา
มีความเห็นตรงกันว่า \"การเล่น\" เป็นวิธีการเรียนรู้ของเด็ก ที่ไม่มีใครสามารถเสนอให้รู้ได้ เพราะเด็กได้สืบค้นด้วยตัวเอง
ได้พาตัวเองให้รู้จักโลกที่แท้จริง ได้รู้จักเวลาสถานที่ สิ่งของ สัตว์ รูปทรงต่าง ๆ และมนุษย์ กล่าวโดยสรุปก็คือ\"การเล่นคืองานของเด็ก\"
การเล่นสิ่งที่เด็กพอใจ สุขใจ ได้สนุก ร่าเริง และนี่คือสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดสำคัญสำหรับเด็ก เด็กแต่ละคนจะมีวิธีการเล่นซึ่งพัฒนามาจากขั้นตอนการเล่น
ซึ่งเรียกว่า พฤติกรรมการเล่น การเล่นของเด็กอาจเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ และความพร้อมของเด็ก ซึ่งสามารถแบ่งพฤติกรรมการเล่นของเด็กได้แบบ ดังนี้
1.การเล่นเลียนแบบ (Imitation) การเล่นเลียนแบบเป็นการสะท้อนให้ผู้อื่นเห็นและทราบถึงการรับรู้สิ่งแวดล้อมต่างๆ ของเด็ก
2.การเล่นสำรวจ (Exploration) 
3.การเล่นทดสอบ (Testing) 
4.การเล่นสร้าง (Construction) 
ความต้องการของเด็ก และช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ  ตลอดจนการเรียนรู้ทางด้านจริยธรรม และช่วยให้เด็กได้รับความสนุกสนาน เด็กทุกคนจะเล่นทุกอย่างที่เขาพอใจ การเล่นจึงมีบทบาทและอิทธิพลต่อการพัฒนาการด้านต่างๆ สำหรับเด็ก ดังนี้
1.การเล่นกับการพัฒนาการด้านร่างกาย การเล่นช่วยพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก ได้แก่ มือ นิ้ว มือ ประสาทสัมพันธ์ระหว่างมือ กับตา ดังนั้น จึงควรจัดของ
2.การเล่นกับการพัฒนาการด้านสังคม การเล่นสอนให้เด็กมีเหตุผล รู้วิธีเล่นร่วมกับผู้อื่น หรือการอยู่ ร่วมกับผู้อื่น มีการให้อภัย ฝึกการให้รู้จักความสามัคคีทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม รู้จักเสียสละ 
4.การเล่นช่วยให้เด็กได้เข้าใจธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ถ้าโรงเรียนมีต้นไม้ให้เด็กสังเกต เช่น สังเกต  พืช และสัตว์
5.การเล่นเป็นการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก เช่น การเล่นบล็อก การเล่นสรรค์สร้าง ซึ่งเป็นการเล่นที่เปิดโอกาส


ภาพกิจกรรม




ประเมินอาจารย์ : เนื้อหาที่สอนน่าสนใจ มีการยกตัวอยางให้เห็นภาพ มีการแนะนำ
ประเมินเพื่อน : ตั้งใจเรียน และตั้งใจทำงาน เข้าเรียนตรงเวลา มีความมุ่งมั่นในการทำงาน
ประเมินตนเอง : ตั้งใจทำงาน มุ่งมั่นในการทำงาน







วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

บันทึกการเรียนครั้งที่ 3

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563
เวลา 12.30-16.30


ความรู้ที่ได้รับ

      อาจารย์พูดถึงเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ว่่ามีกระบวนการแก้ปัญหาอย่างไรบ้างและ ให้ทำกิจกรรม 3 กิจกรรม คือ วาดต่อเติม เเบ่งกลุ่มทำสร้างสรรค์เรือ สร้างสรรค์แม่ย่านางบนเรือโดยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์

การจัดการเรียนรู้แบบแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เป็นแนวทางการแก้ปัญหาวิธีหนึ่ง ซึ่งได้ผ่านการศึกษาและวิจัยมา เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่อิงกับสาระการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยฝึกให้นักเรียนได้ทำความเข้าใจกับปัญหา ฝึกการมองปัญหาโดยใช้ทั้งความรู้สึก และมุ่งแก้ปัญหา ทำให้การดำเนินการแก้ปัญหามีประสิทธิภาพ จึงน่าจะเป็นแนวทางให้ครูได้ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และการเรียนรู้ต่อไป

ขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

ขั้นที่ 1 การเข้าถึงปัญหา 
ขั้นที่ 2 การคิดวิธีการแก้ปัญหา
ขั้นที่ 3 การเลือกและเตรียมการ 
ขั้นที่ 4 การวางแผนการแก้ปัญหา 
ขั้นที่ 5 การลงมือปฏิบัติ 

บรรยากาศในการเรียน


วาดภาพต่อเติม


สร้างเรือตามจินตนาการ




เเต่งตั้งเเม่ย่านางประจำเรือ






ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย น่าสนใจและสามารถไปใช้กับเด็กปฐมวัยได้
ประเมินเพื่อน : แต่งกายเรียบร้อย เข้าเรียนตรงเวลา สนใจในการเรียนและการทำกิจกรรม
ประเมินตนเอง : มีความตื่นเต้นที่ได้ทำกิจกรรมที่อาจารย์นำมา ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย